ใครคือ The Templar????
กางเขนอัศวินเทมพลาร์
สัญลักษณ์อัศวินเทมพลาร์
เทมพลาร์บูชาปีศาจบาโฟเมต(Baphomet/Satan)
เทมพลาร์เป็นที่มาของฟรีเมสันจาก ข้อมูลของ Nesta H. Webster, Secret Society and Subversive movement, (Christian Book of America, 1924)พบว่า ในปี 1118 ซึ่งเป็นเวลา 19 ปีหลังจากสงครามครูเสดครั้งแรกสิ้นสุดลงซึ่งมุสลิมพ่ายแพ้นั้น
อัศวิน เทมพลาร์ ถูกก่อตั้งขึ้นโดย Hughes de Payens ชนชั้นสูงจากฝรั่งเศส พร้อมกับอัศวินผู้ติดตามอีก 8 คน ก่อตั้งกลุ่มที่มีจุดมุ่งหมายในการปกป้องผู้แสวงบุญในดินแดนศักดิ์สิทธิ กษัตริย์ Baldwin II แห่งเยรูซาเลม ได้อนุญาตให้ทั้ง 9 คนไปอาศัยอยู่ที่บริเวณทิศใต้ของ Temple Mount ซึ่งทั้งชาวคริสต์และอิสลามถือกันว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ
ชาวคริสต์เชื่อกันว่าโบสถ์นี้ตั้งอยู่บนซากปรักพังของ
Temple of Solomon ใน คัมภีร์ไบเบิล และสำหรับชาวมุสลิม กาหลิบอุมัยยะห์อับด์ อัล-มาลิคเคยสร้าง วิหาร โดมทองแห่งเยรุซาเล็มซึ่งภายในบรรจุก้อนหินที่ศาสดามูฮัมหมัดได้รับจาก สวรรค์ ณ ที่ตรงนี้
ซึ่งการที่อัศวินเทมพลาร์มาอาศัยอยู่ในสถานที่ สำคัญทางศาสนาอย่างยิ่งยวดเช่นนี้ ทำให้ในภายหลัง กลายเป็นบ่อเกิดของตำนานต่างๆนานา ของ Knights Templar ที่เล่าลือกันว่า พวกเขาพบ
The Holy Grail (จอกเหล้าองุ่นที่พระเยซูคริสต์ใช้ในการรับประทานอาหารมื้อสุดท้าย/The last supper)
ใน ช่วงเริ่มต้นนั้น พวกอัศวินเทมพลาร์ใช้ชีวิตอย่างสมถะ ประทังชีวิตด้วยของบริจาค จึงได้รับการขนานนามว่า อัศวินผู้ยากไร้ และหลังจากที่อัศวินเทมพลาร์ไปอาศัยอยู่ในสถานที่ ที่เชื่อกันว่าเคยเป็นที่ตั้งของโบสถ์ Temple of Solomon จึงได้รับการขนานนามอีกว่า อัศวินแห่งโบสถ์โซโลมอน
9 ปีต่อมา เชื่อเสียงของอัศวินผู้สมถะผู้อุทิศตัวเพื่อปกป้องผู้แสวงบุญ และผลงานดีเด่นต่างๆ แพร่เข้าไปในยุโรป มีผู้บริจาคทรัพย์สินเงินทองมากมาย ทั้งที่ดิน และเงินทองไหลบ่าสู่พวก Knights Templar มากมาย ชนชั้นสูงชาวยุโรปหลายคนยังส่งลูกหลานของตัวเองให้เข้าร่วมกลุ่มด้วย Knights Templar จึงเติบโตอย่างรวดเร็ว และในปี 1139 อัศวินเทมพลาร์ได้รับเกียรติยศอันสูงสุด เมื่อพระสันตปาปา อินโนเซนต์ที่ 2 ประกาศให้พวกอัศวินเทมพลาร์อยู่เหนือกฎหมายของทุกประเทศ ไม่ต้องเสียภาษี และสามารถเดินทางผ่านดินแดนใดก็ได้โดยมิให้ผู้ใดขัดขวาง
ถึงแม้ อัศวินเทมพลาร์จะเป็นกลุ่มที่เน้นหนักไปในด้านการทหาร แต่สมาชิกที่ไม่ได้เป็นนักรบก็มีหน้าที่คอยบริหารจัดการทรัพย์สินต่างๆและ อำนวยความสะดวกให้กับนักรบ โดยในกลุ่มอัศวินเทมพลาร์แบ่งออกเป็น 4 ส่วน - อัศวิน ถูกฝึกฝนในแบบของทหารม้าหนัก แต่งกายด้วยสีขาวและสัญลักษณ์กางเขนสีแดง - Sergeants มาจากชนชั้นที่อยู่ต่ำกว่าอัศวิน ทำหน้าที่ในฐานะทหารม้าเบา พวกนี้จะสวมชุดสีน้ำตาล - the serving brothers ทำหน้าที่บริหารจัดการทรัพย์สินของกลุ่ม และทำหน้าที่ติดต่อค้าขาย -the chaplains พระที่ทำหน้าที่ทางจิตวิญญาณและทางศาสนาให้กลุ่มพวกอัศวินเทมพลาร์เข้าร่วม สมรภูมิสำคัญๆในดินแดนแถบนี้ในฐานะกองทหารชั้นยอด และยังเคยเข้าร่วมกับกองทัพของ Louis VII แห่งฝรั่งเศส และ King Richard I แห่งอังกฤษ ในการรบในดินแดนปาเลสไตน์
อัศวินเทมพลาร์คือผู้ริเริ่มรูปแบบระบบการธนาคาร อัศวินเทมพลาร์มีทรัพย์สินจำนวนมหาศาล และเริ่มให้ผู้แสวงบุญชาวเสปนยืมเงินสำหรับใช้เดินทางไปดินแดนศักดิ์สิทธิในปี 1135
ปี 1150 Knights Templar ก็เริ่มใช้ระบบใหม่ซึ่งถือว่าเป็นต้นแบบของระบบธนาคาร นั่นคือ เมื่อมีผู้แสวงบุญในยุโรปประสงค์จะเดินทางไปดินแดนศักดิ์สิทธิ พวกเขาจะนำทรัพย์สินทั้งหมดของตนไปฝากไว้กับฐานของอัศวินเทมพลาร์ในประเทศ ของตน ซึ่งทางอัศวินเทมพลาร์จะออกใบเสร็จซึ่งจดบันทึกรายการทรัพย์สินที่ฝากเอาไว้ ให้ผู้แสวงบุญติดตัวไป และเมื่อผู้แสวงบุญกำลังเดินทางไปดินแดนศักดิ์สิทธิ หากต้องการใช้เงินเมื่อไหร่ ก็นำใบเสร็จนี้ไปยื่นต่ออัศวินเทมพลาร์ที่เจอระหว่างทาง และเอาทรัพย์สินของตนออกมาใช้ได้ ด้วยวิธีนี้ผู้ แสวงบุญจะปลอดภัยจากการถูกปล้นชิงกลางทาง เพราะไม่ได้นำของมีค่าติดตัวไปด้วย
นอกจากมีระบบฝากเงินแล้ว ด้วยความร่ำรวยของอัศวินเทมพลาร์จึงมีหลายต่อหลายคนในยุโรปเข้ามาขอยืมเงิน ไม่ว่าจะเป็นขุนนางมายืมเงินเพื่อไต่เต้าตำแหน่ง แม่ทัพยืมเงินไปสร้างกองทัพ พ่อค้ายืมเงินไปทำธุรกิจ แม้แต่พระก็ยังมายืมเงินจากอัศวินเทมพลาร์เนื่องจากการคิดดอกเบี้ยเป็น เรื่องต้องห้ามของศาสนจักร พวกอัศวินเทมพลาร์จึงไม่ได้คิดดอกเบี้ย แต่คิด"ค่าเช่า"แทน
อัศวินเทมพลาร์กลายเป็นกลุ่มที่ร่ำรวยและมีอำนาจ อย่างมาก ครอบครองที่ดินทั้งในยุโรปและตะวันออกกลาง สร้างปราสาทและโบสถ์มากมาย มีฟาร์มหลายแห่ง ค้าขายสินค้าทั้งส่งออกและนำเข้า มีกองทัพเรือของตัวเอง และครอบครองเกาะไซปรัสทั้งหมด
อัศวินเทมพลาร์ถึงการณ์ล่มสลาย เมื่อ กรุงเยรูซาเลมพ่ายต่อสุลต่าน ซาลาดิน การสนับสนุนจากยุโรปก็ตกต่ำลง ในช่วงท้ายปี 1300 กษัตริย์ ฟิลิปที่ 4 แห่งฝรั่งเศส ได้ยืมเงินจำนวนมากจากอัศวินเทมพลาร์เพื่อใช้ในการทำสงครามกับอังกฤษ แต่ไม่มีเงินพอที่จะใช้คืนได้ เลยหาเหตุเบี้ยวหนี้ สั่งสอบสวนผู้นำของ Templar Grand Master Jacques de Molay ในฐานะเป็นพวกนอกรีต ซึ่งเจ้าตัวให้การปฏิเสธ
ในวันศุกรที่ 13 ปี 1307 ฟิลิปจับกุมตัวสมาชิกอัศวินเทมพลาร์ทั้งหมดในฝรั่งเศส กล่าวหาว่าพวกอัศวินเทมพลาร์บูชาปีศาจบาโฟเมต(ซาตาน) เป็นพวกนอกรีต และสั่งประหาร ซึ่งทำให้ฟิลิปรอดพ้นจากการเป็นหนี้พวกอัศวินเทมพลาร์ซ้ำฟิลิปยังยึด ทรัพย์สินของพวกอัศวินเทมพลาร์ทั้งหมดในฝรั่งเศส
ด้วยแรงกดดัน จากฟิลิป พระสันตปาปาคลีเมนต์จึงสั่งยุบกลุ่มอัศวินเทมพลาร์ที่ดินของอัศวินเทมพลาร์ ถูกโอนไปให้พวก Hospitallers และพวกผู้นำในยุโรปก็เอาตามอย่างฟิลิป ประกาศให้พวกอัศวินเทมพลาร์เป็นพวกนอกรีตและยึดทรัพย์สิน ในปี 1314 ผู้นำของอัศวินเทมพลาร์ทั้ง 3 คน ถูกจับเผาทั้งเป็น
***ตำนาน ศุกร์ที่ 13
หลาย คนเชื่อว่า ความเชื่อที่ว่าวันศุกร์ที่ 13 เป็นวันโชคร้าย มีสาเหตุมาจากที่พวกอัศวินเทมพลาร์ถูกจับในข้อหาเป็นพวกนอกรีตในวันศุกร์ที่ 13 นี่เอง***
ตามประวัติ พวกอัศวินเทมพลาร์ตั้งฐานบัญชาการแห่งแรกใกล้ๆ Temple Mount ซึ่งถือเป็นสถานทีศักดิ์สิทธิของคริสเตียน ยิว และมุสลิม
เชื่อ กันว่าTemple Mount ตั้งอยู่บนซากปรักหักพังของโบสถ์โซโลมอนในไบเบิ้ล มีคำล่ำลือมากมายเกี่ยวกับโบสถ์นี้ว่า เป็นสถานที่เก็บวัตถุศักดิ์สิทธิยิ่งยวดเอาไว้ เช่น เป็นสถานที่เก็บ หีบแห่งพันธสัญญา ที่โมเสสใช้ติดต่อกับพระเจ้า บางตำนานก็ว่ามีอุโมงค์ลับใต้วิหารซึ่งเป็นที่เก็บ ชิ้นส่วนของไม้กางเขนที่ใช้ตรึงพระเยซู บางตำนานก็กล่าวว่าในนั้น เก็บเอกสารสำคัญบางอย่างที่มีมาตั้งแต่สมัยพระเยซู ด้วยเหตุหลายคนจึงเชื่อกันว่า พวกอัศวินเทมพลาร์พบเจออะไรบางอย่างในโบสถ์นั้น และสิ่งนั้นทำให้ Knights Templar ก้าวขึ้นสู่อำนาจสูงสุด
นักวิชาการบางคน เช่น Hugh J. Schonfield มีข้อสันนิษฐานว่า พวกอัศวินเทมพลาร์อาจไปเจอคัมภีร์โบราณ Copper Scroll "ม้วนบันทึกทองแดง" ซึ่งอาจจะเป็นเหตุให้พวก Knights Templar ถูกข้อกล่าวหาว่าเป็นพวกนอกรีต
(คัมภีร์ Copper Scroll คือส่วนหนึ่งของคัมภีร์ Dead Sea Scrolls และ Lilith of Dead Sea ซึ่งมีการค้นพบในถ้ำคูมรัน เป็นคัมภีร์โบราณที่เกี่ยวกับศาสตร์ลึกลับที่เขียนไว้เป็นรหัสลับ ต้องมีการติดต่อกับวิญญาณต่างๆจึงจะเข้าใจ และคัมภีร์นี้เองเป็นที่มาของลัทธินอสติค (Gnosticism) และในขณะนั้นทางวาติกัน(คาทอลิค)ได้สั่งห้ามไม่ให้มีการเผยแพร่คัมภีร์นี้ ออกสู่สาธารณะ) ถึงแม้อัศวินเทมพลาร์จะล่มสลายลง แต่ยังคงเหลือสมาชิกอีก 100 คนที่ยังหลงเหลือในยุโรป กองเรือของพวกอัศวินเทมพลาร์ได้หลบซ่อนตัวเองและตั้งชื่อใหม่ว่า “the Knights of Christ” จากข้อมูลทางประวัติศาสตร์พบว่า ภรรยาของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส เป็นลูกสาวของ Knight of Christ คนหนึ่ง และในเรือของโคลัมบัสก็มีกางเขนของเทมพลาร์อยู่ในนั้นด้วย โคลัมบัสได้ล่องเรือข้ามมหาสมุทรเพื่อแสวงหาแผ่นดินใหม่คือประเทศอเมริกา ปัจจุบัน สมาคม Freemasonry รับธรรมเนียมปฏิบัติและพิธีกรรมมากจากกลุ่ม Knights Templar ซึ่งก็คือลัทธิบูชาซาตานหรือปีศาจบาโฟเมตนั่นเอง “อัศวิน เทมพลาร์หลายคนได้ออกเดินทางไปกอบกู้สถานศักดิ์สิทธิ์ในดินแดนปาเลสไตน์จาก ชาวSaracen (แขกซาราเซน, ชาวมุสลิมโบราณ) และได้ก่อตั้งสมาคมลับชื่อ “สมาคมฟรีเมสัน” เพื่อสานต่อเจตนารมรณ์เดิมคือการสร้างวิหารโซโลมอนขึ้นมาใหม่” (จาก Secret Society and Suversive Movement, Nesta Webster, (South Pasadena, California:Emissary Publication, 1980 Origin pubished in 1924) p.139)
YouTube - Nobly Born: An Illustrated History of the Knights Templar YouTube - Story of knights templar in a nutshell Part 1 of 2 YouTube - Story of knights templar in a nutshell Part 2 of 2 เทมพลารปัจจุบัน
เทมพลารปัจจุบัน คือ สมาคม Freemason
ที่มาของหลักความเชื่อของคริสตจักรโรมันคาทอลิค
Note: The Jesuit ได้ก่อตั้งสมาคมฟรีเมสันเพื่อเข้าไปแทรกซึมกิจการของโปรเทสแทนต์ทั่วโลกอย่างลับๆ
กำเนิดโปรเทสแทนต์(Protestant) ในช่วงปี 1517 ได้มีกลุ่มผู้ไม่ยอมรับแนวความเชื่อและแนวปฏิบัติของโรมันคาทอลิค
ราก ของความขัดแย้งนั้นมาจากการที่โรมันคาทอลิคเชื่อในสิทธิอำนาจของคริสตจักร ในขณะที่โปรเทสแทนต์เชื่อในคำสอนของพระคัมภีร์ไบเบิ้ล คาทอลิคยอมรับต่อประมุขของคริสตจักร(Pope) โปรเทสแทนต์ยอมรับต่อพระเจ้าองค์เที่ยงแท้องค์เดียว (True God) คาทอลิคเชื่อว่าพระสันตปาปาคือตัวแทนของพระผู้ไถ่ที่มีตัวตนอยู่บนโลก โปรเทสแทสต์เชื่อว่ามีพระผู้ไถ่องค์เดียวคือพระเยซูคริสต์ และเชื่อว่าพระสันตปาปาคือปฏิปักษ์พระคริสต์ (Antichrist)
ผู้นำในการต่อต้านได้แก่
• John Wycliffe ในอังกฤษ
• Martin Luther ในเยอรมัน
• John Calvin ในฝรั่งเศษ
• John Knox ในสกอตแลนด์
• Ulrich Zwingli ในสวิสเซอร์แลนด์
และจากประเทศอื่นๆอีกมาก
กลุ่ม โปรเทสแทนต์เชื่อว่าตำแหน่งพระสันตะปาปาคือปฏิปักษ์พระคริสต์ (Antichrist) และผู้คนจำนวนมากในยุโรปได้ละทิ้งโรมันคาทอลิค และต่อต้านระบบสอนผิดๆของคาทอลิค (คำสอนที่บิดเบือนจากพระคัมภีร์ไบเบิ้ล)
YouTube - HISTORY OF THE ENGLISH BIBLE AND REFORMATION 1/3 (MUST SEE IN HD) YouTube - HISTORY OF THE ENGLISH BIBLE AND REFORMATION 2/3 (IN HD) YouTube - History Of The English Bible And Reformation 3/3 (In HD) โรมันคาทอลิคจึงปฏิบัติการปกป้องตนเอง โดยตั้งคณะทำงานชื่อ The Council of Trent (1545-1563) ขึ้น เพื่อต่อต้านกลุ่มโปรเทสแทนต์โดยเฉพาะ จากปฏิบัติการนี้ โรมันคาทอลิคได้กระทำอย่างเปิดเผย โดยมีการสั่งเผาพระคัมภีร์ไบเบิ้ลและจับเผาทุกคนที่ต่อต้านคาทอลิค “มัน ได้รับอำนาจที่จะสู้รบกับประชากรของพระเจ้าและมีชัยชนะ มันได้รับสิทธิอำนาจเหนือทุกเผ่า ทุกหมู่ชน ทุกภาษาและทุกชาติ” วิวรณ์ 17:3
ในเวลาต่อมา โรมก็ได้ปรับกลยุทธ์ใหม่ในการทำสงครามกับโปรเทสแทนต์โดยหันมาทำแบบเงียบหรือแบบลับๆ โดยได้ก่อตั้งคณะเยซูอิตขึ้น หลัง จากพวกอัศวินเทมพลาร์ถูกฆ่าโดยกษัตริย์ฟิลิปแห่งฝรั่งเศสนั้น พวกที่รอดชีวิตนั้นได้รับการอภัยโทษและดูแลอย่างลับๆโดยพระสันตปาปา เทมพลาร์จึงอยู่ใต้บัญชาการของคาทอลิค
หน่วยปฏิบัติการด้านการทหารเพื่อยึดครองโลกของคริสตจักรโรมันคาทอลิค คณะเยซูอิต (The Jesuit/ The Society of Jesus) ก่อ ตั้งเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ในปี คศ.1534 โดยชาวสเปนชื่อ Ignatius Loyolaและได้รับการรับรองโดยพระสันตปาปาพอลที่ 3 เมื่อวันที่ 27 กันยายน คศ. 1540
Loyola ต้องการให้คณะเยซูอิตเป็นสุดยอดของสมาคมลับในคริสตจักรคาทอลิค ที่จะเข้าไปแทรกซึมกลุ่มโปรเทสแตนท์ทั้งในยุโรปและทั่วโลก เพื่อที่จะทำให้มั่นใจได้ว่าทั่วโลกจะยอมสวามิภักดิ์ต่อพระสันตปาปาในฐานะ ตัวแทนขอพระผู้ไถ่ (Christ)ที่มีตัวตนอยู่บนแผ่นดินโลก (R.P. Jesuit Rouquette, op.cit p. 44)
Loyola ผู้ก่อตั้งคณะเยซูอิต
Loyola คุกเข่าต่อพระสันตปาปาพอลที่ 3
มี การวางแผนเพื่อทำลายกลุ่มผู้ไม่เห็นด้วยกับคาทอลิค(Protestants) และแฝงตัวเข้าไปเพื่อปุกปั่นให้เกิดความไม่สงบขึ้น เมื่อถูกจับได้ก็มีการถูกขับไล่ออกจากประเทศต่างๆเช่น ถูกขับออกจากโปรตุเกส ในปี 1750, ถูกขับออกจากฝรั่งเศสในปี 1764, ถูกขับออกจากสเปนในปี 1767, ถูกขับออกจากเนปาลในปี 1767, ถูกขับออกจากรัสเซียในปี 1820(Steve Wolhberg, End Time Delusion,p. 113)
วิหารเทมพลาร์
สัญลักษณ์ All Seeing Eye และ กางเขนเทมพลาร์
เทมพลาร์และพื้นขาว-ดำ ของสัญลักษณ์ฟรีเมสัน
สมาคมฟรีเมสันอยู่ภายใต้การควบคุมของคณะเยซูอิต
สัญลักษณ์ฟรีเมสัน
สัญลักษณ์ฟรีเมสัน
ภาพ นี้เป็นการเปรียบเทียบวิธีระหว่างธรรมเนียมปฏิบัติของสมาคมฟรีเมสันและคณะ เยซูอิต ซึ่งคณะเยซูอิตนั้นต้องถอดรองเท้า และเปิดเข่าแล้วคุกเข่าลงต่อหน้าพระสันตปาปา เพราะLoyolaได้กระทำเช่นนั้นเมื่อครั้งที่เขาขอคำยืนยันบัญชาการจากโรม
: จาก Occult Theocracy, Lady Qweenborough, (South Pasadena, California; Emissary Publication 1980; org published in 1933) p. 313
สัญลักษณ์ฟรีเมสัน+กระโหลกไขว้
อิลูมินาติ เป็นกลุ่มใหม่ของสมาคมฟรีเมสัน ที่มีหน้าที่แทรกซึมเพื่อการปฏิวัติแล้วนำไปสู่การรวมโลกเป็นรัฐบาลเดียว(New World Order)
Skull & Bones คืออีกกลุ่มหนึ่งของอิลูมินาติที่รับผิดชอบหลักในการยึดครองประเทศอเมริกา และใช้เป็นฐานปฏิบัติการเพื่อนำไปสู่โลกรัฐบาลเดียว หรือ New World Order
ทั้งสองคนเป็นสมาชิกสมาคมหัวกระโลกและกระดูกไขว้
อยู่คนละพรรคการเมืองที่ลงสมัครประธานาธิบดีพร้อมกัน
ใครได้เป็นผลก็ไม่ต่างกัน เพราะทำตามคำสั่งเดียวที่มาจากคณะเยซูอิต
พวกนี้ทำพิธีบวงสรวงบูชาซาตานโดยชีวิตมนุษย์