G7C136 Mod
จำนวนข้อความ : 74 Points : 556932 คะแนนความประพฤติ : 4 Join date : 26/08/2009 : 45 ที่อยู่ : เมื่อก่อนอยู่บนดิน แต่ตอนนี้ อยู่บนซีเมนต์ขอรับกระผม
| เรื่อง: 10 โรคประหลาดสยองโลก Tue Mar 09, 2010 8:44 pm | |
| 10 โรคประหลาดสยองโลก Top 10 Bizarre Medical Anomalies
โรคต่อไปนี้เป็นโรคที่แปลกประหลาด และค่อนข้างหายาก มีโอกาสเกิดขึ้นน้อย เพราะส่วนใหญ่แล้วเป็นโรคทางพันธุกรรม แต่กระนั้นเมื่อมันเกิดแล้ว มันก็ได้สร้างความสยดสยองแก่ผู้ป่วยและผู้พบเห็นโดยไม่รู้ลืม และเนื่องด้วยเป็นโรคหายากทำให้เราไม่เคยเห็นโรคเหล่านี้มาก่อนในชีวิต ต้องครอบคุณอินแตอร์เน็ตและเว็บต้นแบบที่ทำให้เราได้เปิดตาว่าโลกเรานี้มีหลายเรื่องที่เราคิดไม่ถึง
โรคที่ 10 Diprosopus
คลิป https://www.youtube.com/watch?v=ktpzcHZb74U
น่าแปลกโรคนี้ผมไปหาเว็บไทยไม่เจอสักเว็บ อาการผิดปกติหายากนี้บางครั้งก็เรียกว่า(Craniofacial duplication)หรืออาการสองหน้าซ้อนเหมือนอัดสำเนาซ้ำ ซึ่งเป็นภาวะฝาแฝดหน้าติดกันโดยไม่สามารถแยกออกได้ ส่วนมากคลอดออกมาแล้วตาย(ภาพที่เห็นเป็นคนป่วยที่ชื่อ Lali Singh เกิดในปี 2008 ก่อนที่จะตายด้วยโรคหัวใจในไม่กี่เดือนต่อมา) ส่วนสาเหตุของมันยังเป็นที่ถกเถียงแต่คาดว่าน่าจะมาจากโปรตีนที่เรียกว่า Sonic Homolog นอกจากเกิดในคนแล้วยังเกิดกับสัตว์ด้วย(บ้านเรา เช่นวัวสองหน้า เกิดมาแล้วขอหวย)
เห็นภาพนึกถึงอาการผิดปกติ Craniopagus Parasiticus หรือเด็กสองหัวแห่งเบงกอล(Two Heabed Boy of Bengal) เป็นกรณีที่หายาก ในวงการแพทย์เคยมีกรณีแบบนี้มาแล้วประมาณ 9 รายจากที่ผ่านมา(อัตราการเกิด 9% ของแฝดปกติ ซึ่งคิดเป็น 0.6 ล้านของเด็กเกิดใหม่) โดยศีรษะของฝาแฝดหนึ่งจะติดกันอยู่โดยเอากระหม่อมชนกัน ศีรษะส่วนเกินนั้นไม่สมบูรณ์ ทั้งตา หู และริมฝีปาก โดยมาสิ้นสุดประมาณบริเวณลำคอ มีกริยาอาการอันเป็นอิสระบางประการ เช่นหนังตาขยับ ตอบสนองการสัมผัสโดยตรงด้วยการถูกหยิกที่แก้ม และที่สำคัญคนที่เป็นส่วนมากมักตายตั้งแต่เกิด หรือไม่กี่เดือนต่อมา ยกเว้นกรณีเด็กสองหัวแห่งเบงกอล ที่เกิดเมื่อปี 1783 และมีชีวิตอยู่ได้ถึง 4 ปี ก่อนที่จะมาตายเพราะงูเห่ากัด
โรคที่ 9 Fetus In Fetu
คลิป https://www.youtube.com/watch?v=u_C74c0DzHw
ภาพด้านบนที่เห็นนั้นเป็นรูปชายที่ชื่อ Sanju Bhagat จากประเทศอินเดีย เขาอายุ 36 ปี เขามีอาการอาการผิดปกติคือมีตัวอ่อนในครรภ์ เขาท้องเพราะ มีฝาแฝดอยู่ในข้างในครรภ์ของเขา หากแต่ฝาแฝดนี้ไม่ใช้ทารกในระยะฟีตัสธรรมดา แต่เป็นทารกในสถาวะปรสิตที่มีรูปร่างผิดปกติคือ มีกระดูก ฟัน ไขมัน กล้ามเนื้อ เส้นผมดวงตา แต่ไม่มีสมอง และสายสะดือ
อาการที่ว่านั้นเกิดจาก กระบวนการเกิดฝาแฝดนั้นเป็นเช่นเดียวกับกระบวนการเกิดฝาแฝดทั่วไป เพียงแต่ในช่วงเดือนแรกการตั้งครรภ์ ตัวอ่อนที่เป็นปรสิตนั้นมีการเจริญเติบโตในมดลูกแต่ไม่แยกตัวออกมาจากคู่เอ็มบริโอ (เพื่อให้ได้เป็นทารกฝาแฝด 2 คน) แต่เอ็มบริโอปรสิตกลับหยุดการเจริญเติบโตลง แล้วหลบเข้าไปอยู่ในช่องท้องของเอ็มบริโอเด็กหญิงผ่านทางสายสะดือในขณะที่ทั้งคู่ยังอยู่ในครรภ์มารดา เมื่อเด็กหญิงคลอดออกมา ตัวอ่อนปรสิตจึงค่อยๆเติบโตขึ้นในช่องท้องด้านขวาของเด็กหญิงอย่างช้าๆ และบวมขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก ประมาณ 1 ใน 500,000 ซึ่งพบได้ไม่บ่อยนัก มีรายงานว่าฝาแฝดในลักษณะนี้มีประมาณ 90 รายทั่วโลก
โรคที่ 8 Proteus Syndrome
คลิป https://www.youtube.com/watch?v=rlv4mdCdaM4
ภาพด้านบนคือมนุษย์ช้าง หรือโจเซฟ เมอร์ริค(Joseph Merrick) ผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง เขาเป็นโรค Proteus Syndrome ทำให้ที่ใบหน้าเขาบิดเบี้ยวพิกลพิการตั้งแต่เกิดตั้งแต่เกิด โรคนี้เป็นสาเหตุทำให้การเจริญเติบโตกระดูกมากเกินปกติ และทำให้เจริญเติบโตของผิวหนังมีมากเกินไป ทำให้เกิดเนื้องอกจำนวนมากมายหลายแห่ง โรคนี้ถูกพบเป็นทางการในปี 1979 มีรายงานพบผู้ป่วยเป็นโรคนี้ 200 ราย แม้โรคนี้จะทำให้สภาพร่างกายผิดปกติ แต่กระนั้นสมองก็ยังทำงานเป็นปกติและฉลาดเหมือนคนทั่วๆ ไป
โรคที่ 7 Möbius syndrome
คลิป https://www.youtube.com/watch?v=3FJPvBcMNAE
โมบิอุส ดาวน์ซินโดรม โรคนี้ชื่อแปลกดี เพราะคำว่าโมบิอุสแปลว่าแถบปริศนาที่ไม่สามารถแบ่งด้านนอกและด้านในได้ซึ่งเป็นรู้จักกันดีในวงการคณิตศาสตร์(ใครอ่านการ์ตูนเรื่องเอย์จิคงรู้จัก) และคำว่าโมบิอุสยังถูกนำมาตั้งเป็นชื่อโรคด้วย อยู่ในจำพวกดาวน์ซินโดรมซึ่งเป็นโรคพันธุกรรมที่หายาก ที่แปลกของโรคคือทำให้กล้ามเนื้อเกี่ยวกับหน้าเป็นอัมพาตไม่สามารถแสดงสีหน้าใดๆ ได้ นอกจากนั้นยังไม่สามารถปิดเปลือกตาหรือเคลื่อนย้ายลูกตาจากอีกด้านไปอีกด้านได้ จะกินอาหารจะดูดนมก็ลำบาก นอกเหนือจากนั้นก็เป็นอาการของดาวน์ซินโดรมปกติคือ แขนขาเล็กเติบโตผิดปกติ หน้าตาดูแปลกไปจากปกติคือคางเล็ก มีปัญหาลำสักทำให้เป็นโรคปอดเรื้อรัง และที่สำคัญไม่สามารถรักษาหายขาดได้
โรคที่ 6 Hutchinson-Gilford syndrome</SPAN>
https://www.youtube.com/watch?v=E0_KTh4fC10
อยู่ในกลุ่มโรค Progeria หรือโรควัยชราในเด็ก โรคนี้เป็นโรคทางพันธุ์กรรมที่หาได้ยากยิ่ง เพราะโอกาสเด็กที่เป็นโรคนี้มีเพียง 1 ใน 8 ล้านเท่านั้นที่จะมีโอกาสเป็น มีสาเหตุเกิดจากความผิดปกติของพันธุกรรมที่ทำให้นิวเคลียร์พัฒนาผิดปกติ ซึ่งเด็กที่เป็นโรคนี้จะทำให้เจริญเติบโตผิดปกติ เด็กมีผิวหนังเหี่ยวย่นเหมือนคนแก่เพราะไขมันใต้ผิวหนังหายไป, รูปร่างแคระแกรน, หัวโตเกินปกติ, ผมหลุดร่วง. ผิวหนังแข็งบางใสเห็นเส้นเลือดชัดเจน, ไม่มีเล็บหรือไม่ค่อยมี เล็บแตกง่าย, หูหนวก, จมูกเล็กและโด่งแหลมคล้ายหุ่นรูปปั้น เติบโตช้า เตี้ย น้ำหนักน้อย เหนื่อยง่าย และเสียชีวิตในวัยประมาณ 13 ขวบ ด้วยอาการผิดปกติของหัวใจ โรคนี้ไม่มีทางรักษาหายขาดได้ ได้แต่รักษาตามอาการเท่านั้น
โรคที่ 5 Cutaneous Porphyria
โรคโพรพีเรีย มาจากภาษากรีซ คำว่า porphyrus ซึ่งแปลว่า สีม่วง ( purple ) เป็นโรคที่มีอาการผิดปกติทางผิวหนังเกิดอาการแพ้แสง จะเกิดเป็นแผลพุพอง ทำให้บวม และเนื้อเยื่อผิวตายจนเป็นแผล อวัยวะส่วนยื่นเป็นระยางยื่น เช่นจมูก นิ้วมือนิ้วเท้า จะเกิดเป็นแผลเรื้อรัง จนหลุดขาดออกจากร่างกาย, ริมฝีปากจะเกิดอาการดึงรั้ง จนมองเห็นฟันชัดเจน นอกจากนั้นยังเห็นเล็บ ปัสสาวะเป็นสีม่วง, ชมพู, สีน้ำตาย หรือดำ ด้วยอาการแพ้แสงทำให้ผู้ป่วยกลัวแสง และออกจากบ้านเฉพาะเวลากลางคืน ทำให้หลายคนเรียกโรคนี้ว่าโรคผีดูดเลือด ส่วนการรักษาทำได้โดยการให้เลือด,ถ่ายเลือด(ในสมัยโบราณจะใช้การให้ดื่มเลือด) และกระเทียมมีการเคมีบางตัวที่ใช้รักษาโรคโพรพีเรีย ทำให้ผู้ป่วยบางคนกลัวกระเทียม
โรคที่ 4 Elephantiasis
</SPAN>
คลิป https://www.youtube.com/watch?v=dnWwHthkGkY
รู้จักกันดีในโรคเท้าช้าง โรคนี้มีหลายคนมักเข้าใจผิดว่าเป็นโรคนี้แล้วจะทำให้เท้าใหญ่ขึ้นเหมือนช้าง ความจริงแล้วโรคนี้จะทำให้อวัยวะทุกส่วนในร่างกายบวมใหญ่ขึ้นเหมือนในรูปที่บวมเฉพาะจ้าวโลก เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่เชื้อพยาธิชอบอยู่อาศัย โดยเชื้อพยาธินี้มีชื่อว่าหนอนพยาธิตัวกลมฟิลาเรีย(Filarial worm) โรคนี้มีพาหนะมาจากยุง(ยุงลายป่า, ยุงเสือ) โดยยุงจะนำพยาธิเข้าไปในท่อน้ำเหลือง ต่อมน้ำเหลือง เชื่อจะอยู่ในร่างกายคน 4-6 ปี ออกลูกออกหลานหลายล้านตัว ทำให้เกิดภาวะอุดตันของท่อน้ำเหลือง เกิดการคั่งและทำให้ลำตัวส่วนล่าง รวมทั้งขาและอวัยวะเพศบวม
โรคที่ 3 Fibroyssplasia Ossificans Progressiva
</SPAN>
เป็นโรคชื่อยาวเป็นบ้า แต่เรียกย่อๆ ว่าโรคเอฟโอพี(FOP) ชายในภาพมีชื่อ Harry Eastlack เขาเป็นโรคนี้และตายเมื่ออายุ 40 และมีการเก็บกระดูกเขาไว้ในพิพิธภัณฑ์เพื่อทำการศึกษา สำหรับโรค “เอฟโอพี” เป็นโรคกรรมพันธุ์ชนิดหนึ่ง ที่ปรากฏอาการขึ้นตั้งแต่เด็ก และไม่มีทางรักษาเยียวยา โรคทำให้กล้ามเนื้อ, กล้ามเนื้อ เนื้อเยื่อยึดเสริมและเอ็น ในตัวคนแปรสภาพเป็นกระดูกไป โดยเฉพาะเอ็นซึ่งเป็นอวัยวะที่เป็นเหมือนสายเชือก ที่ยึดข้อต่อต่างๆไว้ หากมันกลายเป็นกระดูก คิดดูว่าคนที่เป็นโรคนี้จะเป็นอย่างไร มันเหมือนกับคนป่วยถูกรัดด้วยเชือกที่มองไม่เห็นหรือไม่สามารถแก้ได้ตลอดกาล ไม่อาจเคลื่อนไหวได้ เหมือนอยู่ในกรงขัง เพราะภายในมีสภาพเหมือนกับมีโครงกระดูกซ้อนขึ้นมาอีกโครงหนึ่ง และยังไปบีบรัดอวัยวะภายในอื่นๆ ในเวลาต่อมา(เฉลี่ยผู้ป่วยเป็นโรคนี้จะตายเมื่อ 30 ปีเศษ เป็นตั้งแต่ทารกจนตาย) จนเป็นเหตุให้ผู้ป่วยเสียชีวิตในที่สุด(นอกจากนี้ยังมีอาการแทรกซ้อนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องปอดและระบบหายใจ)
โรค “เอฟโอพี” เป็นโรคที่พบได้น้อยและไม่สามารถหาสาเหตุของโลกชัดเจน มีรายงานผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้เพียงสองร้อยราย(หนึ่งใน 1.64 ล้านคน)
โรคที่ 2 Lewandowsky-Lutz Dysplasia
เป็นกรณีโรคหูดชนิดหนึ่งที่หายาก เป็นโรคที่ทำให้ผิวหนังเกิดสเก็ต และงอกยาวออกมาคล้ายรากไม้และลุกลามไปส่วนต่างๆ จนไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้ตามเนื้อตัวคล้ายเปลือกต้นไม้ในที่สุด สาเหตุของโรคนั้นเกิดจากเชื้อไวรัส ที่ชื่อว่า Human Papilloma Virus (HPV) ซึ่งติดมาโดยมีเพศสัมพันธ์ คนทั่วไปจะทำให้เกิดเป็นหูดเล็ก แต่สำหรับในกรณีของ คนป่วยโรคนี้จะแตกต่างกัน ตรงที่จะต้องมีร่างกายที่ขาดภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายไม่สามารถกำจัดหูดได้ และเชื้อไวรัส ได้บุกยึด cellular machinery ภายในเซลผิวหนัง ทำให้ผิวเกิดเป็นหูด ขึ้นทั่วทั้งร่างกายในที่สุด ในปี 2007 มีผู้ป่วยรับทุกข์ทรมาณจากหูดที่ขึ้นตามตัว และเมื่อทำการศัลยกรรมตัดหูดออกมาชั่งดูพบว่ามันมีนักหนักถึง 5.8 กิโลกรัม(ตัดหูดออก 95%)
โรคที่ 1 Diphallia
ไดฟัลลัส หรือ Penile Duplication(PD), Diphallic terata,และ Diphallasparatus ดูภาพก็คงรู้แล้วใช่เปล่าครับ เป็นโรคที่เกิดเฉพาะในผู้ชายที่ทำให้มีองคชาติ 2 อันงอกเกินออกมา มันเป็นกรณีที่หายาก(สุดขีด) ในอดีตที่ผ่านมามีเพียง 1,000 กรณีเท่านั้น(รายงานโดย Johannes Jacob Jacob Wecker ในปี 1609) อัตราการเกิด 1 ใน 5.5 ล้านคน ในสหรัฐมีเพียง 2 ราย คนที่เป็นอาการนี้ปกติจะสามารถขับปัสสาวะได้อันเดียวหนึ่ง(เพราะอีกอันหนึ่งไม่พัฒนา) มีน้อยมากที่จะขับปัสสาวะทั้งสองอันพร้อมกันได้ กรณีส่วนใหญ่ทั้งสองจะมีขนาดเท่ากันหรือใกล้เคียงกัน มีส่วนน้อยที่อันหนึ่งใหญ่อันหนึ่งเล็ก คนที่เป็นจะเป็นหมัน สาเหตุของโรคคาดว่าเกิดจากพันธุกรรมในทารกระยะฟิตัส(ในครรภ์)ระหว่าง 23 -25 วัน เกิดจากเนื้อเยื่อเมโซเดิร์มไม่กระจายอย่างเหมาะสม โดยเนื้อเยื่อชั้นเมโซเดิร์ม 1 ใน 3 เนื้อเยื่อหลักในร่างกายมนุษย์ที่พัฒนาเป็นอวัยวะต่างๆ ไม่รักษาหายได้ แม้จะผ่าตัดก็ผ่าตัดยากเนื่องจากผู้ป่วยมีองคชาติที่ใช้การได้ดีเท่าเทียมกัน เนื่องจากเส้นเลือดใหญ่ไปเลี้ยงองคชาติทั้ง 2 อัน</SPAN> | |
|